9 วิธี
ทําดี ทำง่ายๆ เริ่มจากตัวเรา
1.ตื่นเช้าขึ้นมาก็คิดแต่สิ่งดีๆ
ทันทีที่ตื่นนอน
หากเราคิดถึงแต่สิ่งที่ดีที่งาม ก็จะทําให้จิตใจเราสดชื่น กระตือรือร้น
พร้อมที่จะรับมือกับชีวิตประจําวันด้วยความรื่นเริง ไม่หงุดหงิดโมโห แค่นี้
นอกจากเราจะมีความสุขแล้ว คนรอบข้างเราก็มีความสุขไปด้วยถือว่าเป็นการทําบุญอย่างหนึ่ง
2.ยิ้มแย้มแจ่มใส
ในแต่ละวัน
หากเราจะรู้จักยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ว่าจะยิ้มกับคนรู้จักหรือไม่รู้จักก็ตาม
หน้าตาของเราก็จะดูเป็นมิตร ทําให้คนอยากเข้าใกล้
ถ้าเราเป็นพ่อแม่ยิ้มกับลูกก่อนไปทํางาน ลูกก็ดีใจ ลูกยิ้มกับพ่อพ่อแม่ พ่อแม่ก็สบายใจว่าต่างคนต่างไม่มีเรื่อง
เดือดร้อนใจแน่ หรือหากมีก็กล้าจะมาปรึกษาหารือ หรือหากเป็นเจ้านาย
ยิ้มกับลูกน้องๆ ก็รู้ว่าวันนี้นายอารมณ์ดี
ทําให้ทํางานด้วยความมั่นใจไม่ต้องระแวงว่าจะถูก
เรียกไปต่อว่าและถ้าเรียกก็ดูน่าจะมีเมตตา กว่าเวลาที่นายทําหน้ายักษ์
3.ทักทาย
โอปราศรัย
คนบางคน
นอกจากจะไม่ยิ้มกับใครแล้ว ยังชอบทําหน้าบึ้งตึงไม่คิดจะพูดจาทักทายใครด้วย
ซึ่งถ้าเกิดทํางานด้านบริการ
คนมาติดต่อคงรู้สึกเกร็งและกังวลตลอดว่าจะถูกเอ็ดตะโรเมื่อไรก็ไม่รู้ ดังนั้น
นอกจากยิ้มแย้มแจ่มใสแล้ว เราก็ควรจะเอื้อนเอ่ยวาจาทักทายผู้มารับบริการก่อน
การทักทายปราศรัยกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นผู้มาขอรับบริการเพื่อนฝูงคนรู้จัก
ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือแม่แต่คนที่มาทํางานให้เรา เช่น แม่บ้าน ยาม ฯลฯ
จะทําให้เขารู้สึกเป็นมิตร และอบอุ่นใจ ทําให้บรรยากาศในที่นั้นๆ ดีขึ้น
4.แบ่งปันน้ำใจไมตรี
สามารถทําได้ทุกที่และทุกเวลา
เช่น ช่วยพ่อแม่จัดโต๊ะอาหารล้างถ้วยชาม ลุกให้เด็ก ผู้หญิงท้อง
หรือคนแก่นั่งช่วยถือของหนักให้คนในรถเมล์ หยุดรถให้คนข้ามถนน หรือรถอื่นไปก่อน
ช่วยแบ่งเบาภาระงาน ให้เพื่อนในที่ทํางาน เป็นต้น การให้ความช่วยเหลือเช่นนี้
เป็นการทําบุญด้วยการลดความเห็นแก่ตัวของเราลงและทําให้เราได้รับมิตรไมตรีสนองตอบกลับมาด้วย
5.ปลุกปลอบให้กําลังใจ
ช่วยแก้ไขปัญหา
หลายๆครั้งที่เพื่อนฝูงญาติมิตรอาจประสบปัญหาชีวิต และเกิดความทุกข์ใจแสนสาหัส
สิ่งที่ดีที่สุดคือความเป็นมิตรและถ้อยคําที่ปลุกปลอบให้กําลังใจ คําพูดดีๆ
ที่มาจากใจจะทําให้ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์
รู้สึกดีขึ้นและมีพลังที่ต่อสู้ชีวิตต่อไปได้
6.ให้คําชมด้วยความนิยมยินดี
การกล่าวคําชื่นชมต่อผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ
ย่อมจะทําให้ผู้รับคําชมรู้สึกปลาบปลื้มยินดี และมีความสุขได้
โดยเฉพาะในเรื่องที่เขาทําสําเร็จ
แต่ทั้งนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงและจริงใจด้วยดูอย่างตัวเราเองแค่วันไหน
แต่งตัวสวย แล้วมีคนชม เราก็หน้าบานไปทั้งวันแล้ว
เช่นเดียวกันคนทุกคนล้วนอยากได้การยอมรับและคําชมทั้งนั้น
เพราะคําชมจะเป็นการเสริมเพิ่มกําลังใจให้ อยากทําดียิ่งๆ ขึ้นไป
7.แนะนําให้คําสอนที่ดี
มีคุณค่า
ไม่ว่าจะเราจะอยู่ในสถานภาพใด
เช่น เป็นลูก เป็นพ่อแม่ลูกน้อง เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมอาชีพ ฯลฯ
หากเราจะมีเมตตา แนะนําในสิ่งที่ดี
มีประโยชน์และคุณค่าต่อผู้อื่นหรือสอนในสิ่งที่เราชํานาญให้แก่ผู้อื่น
ก็จะเป็นการช่วยเกื้อกูลสังคมให้ดียิ่งขึ้น และผลก็จะย้อนมาสู่ตัวเราผู้ทําด้วย
เช่น สอนงานให้ลูกน้องต่อไป เมื่อเขาทํางานเป็น เราก็ไม่ต้องเหนื่อยมาก
และเขาก็จะรู้สึกขอบคุณเรา แนะวิธีออกกําลังกายให้พ่อแม่ ท่านก็แข็งแรง
ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยง่าย เราก็สบายใจ หรือแม้แต่การแนะนําให้ความรู้ที่เรามี
หรือทราบมาแก่คนไม่รู้จัก อย่างแนะนําหมอ ยาดีๆ
หรือธรรมะที่ดีแก่คนอื่น ทําให้เขาหายป่วยหรือรู้สึกดีขึ้น เขาก็จะอธิษฐานหรือให้พรเราทําให้เราพบแต่สิ่งดีๆ
ในชีวิต
8.การให้อภัยในความผิดพลาดของผู้อื่น
โดยทั่วไปคนเรามักจะให้อภัยตัวเองง่ายและมีข้อแก้ตัวให้ตนต่างๆ
นานา แต่ถ้าผู้อื่นผิดพลาดแล้ว
เรามักเห็นเป็นเรื่องใหญ่และตําหนิติเตียนไม่รู้จักแล้วจบ ดังนั้น เราจะต้องหัดมีเมตตารู้จักให้อภัยต่อผู้อื่นให้ง่าย
เหมือนให้อภัยแก่ตัวเราเอง เพราะการให้อภัยจะทําให้เราไม่ผูกใจเจ็บ
ไม่อาฆาตมาดร้าย ไม่ก่อศัตรู
แต่ทําให้จิตใจเราสงบเย็นเป็นการฝึกจิตพื้นฐานอย่างหนึ่ง
ที่จะนําไปสู่กุศลขั้นสูงอื่นๆ ต่อไป
9.ฝึกจิตให้สงบและสบาย
ด้วยการทําสมาธิหรือสวดมนต์
การทําสมาธิ ฟังดูเหมือนยากแต่จริงๆ เราทําได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
หรือทําอะไรอยู่ เช่น กินข้าว อาบน้ํา
ทําการบ้าน ทํางานบ้าน อ่านหนังสือ
อยู่ที่ทํางานหัวใจหลักคือให้เอาใจไปจดจ่อในสิ่งที่ทําเพียงอย่างเดียว
จะทําให้เราทําทุกอย่างได้ดีขึ้นเพราะไม่พะวักพะวนคิดหรือทําหลายอย่างในเวลาเดียวกันอันทําให้ขาดสติและทุกๆ
คืนก่อนนอน ก็ควรสวดมนต์ไหว้พระที่เรานับถือ โดยอาจเลือกบทสวดสั้นๆ ที่เราชอบ
เสร็จแล้วก็อย่าลืมแผ่เมตตาให้กับตัวเราเอง และผู้อื่นตามสมควรที่กล่าวมาทั้งหมด
จะเห็นได้ว่าเป็นการทําความดีที่ไม่ต้องใช้เงินเลยแต่สามารถปฏิบัติในชีวิตประจําวันของเราได้
โดยไม่ยากเย็นเข็ญใจจนเกินไปอีกทั้งปฏิบัติแล้วก็เป็นบุญกุศลที่จะเกื้อหนุนให้เราและคนรอบตัวมีความสุข
เพราะ’บุญ’ ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ เครื่องชําระกาย
ใจให้บริสุทธิ์เป็นการทําประโยชน์ให้แก่ตัวเราเองและผู้อื่น และยังช่วยลดกิเลส
ความเศร้าหมองต่างๆ ได้
เริ่มทําแต่วันนี้เลยนะคะ
เพราะมีคนบอกว่า ’ความดีไม่มีขาย
อยากได้ต้องทําเอง
Credit
: วัดอินทราม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น