ยินดีต้อนรับเข้าสู่...แหล่งเรียนรู้....เรื่องหลักธรรมในการดำเนินชีวิต....โดย...นายวิรุณทอง พรมพักตร์....ครู P่เต้ย...blogger จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับผู้ที่สนใจ ไม่มีเจตนาทางธุรกิจหรืการค้าใดๆ

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2559

9 วิธี ทําดี ทำง่ายๆ เริ่มจากตัวเรา

9 วิธี ทําดี ทำง่ายๆ เริ่มจากตัวเรา
1.ตื่นเช้าขึ้นมาก็คิดแต่สิ่งดีๆ
ทันทีที่ตื่นนอน หากเราคิดถึงแต่สิ่งที่ดีที่งาม ก็จะทําให้จิตใจเราสดชื่น กระตือรือร้น พร้อมที่จะรับมือกับชีวิตประจําวันด้วยความรื่นเริง ไม่หงุดหงิดโมโห แค่นี้ นอกจากเราจะมีความสุขแล้ว คนรอบข้างเราก็มีความสุขไปด้วยถือว่าเป็นการทําบุญอย่างหนึ่ง
 2.ยิ้มแย้มแจ่มใส
ในแต่ละวัน หากเราจะรู้จักยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ว่าจะยิ้มกับคนรู้จักหรือไม่รู้จักก็ตาม หน้าตาของเราก็จะดูเป็นมิตร ทําให้คนอยากเข้าใกล้ ถ้าเราเป็นพ่อแม่ยิ้มกับลูกก่อนไปทํางาน ลูกก็ดีใจ ลูกยิ้มกับพ่อพ่อแม่ พ่อแม่ก็สบายใจว่าต่างคนต่างไม่มีเรื่อง เดือดร้อนใจแน่ หรือหากมีก็กล้าจะมาปรึกษาหารือ หรือหากเป็นเจ้านาย ยิ้มกับลูกน้องๆ ก็รู้ว่าวันนี้นายอารมณ์ดี ทําให้ทํางานด้วยความมั่นใจไม่ต้องระแวงว่าจะถูก เรียกไปต่อว่าและถ้าเรียกก็ดูน่าจะมีเมตตา กว่าเวลาที่นายทําหน้ายักษ์
3.ทักทาย โอปราศรัย
คนบางคน นอกจากจะไม่ยิ้มกับใครแล้ว ยังชอบทําหน้าบึ้งตึงไม่คิดจะพูดจาทักทายใครด้วย ซึ่งถ้าเกิดทํางานด้านบริการ คนมาติดต่อคงรู้สึกเกร็งและกังวลตลอดว่าจะถูกเอ็ดตะโรเมื่อไรก็ไม่รู้ ดังนั้น นอกจากยิ้มแย้มแจ่มใสแล้ว เราก็ควรจะเอื้อนเอ่ยวาจาทักทายผู้มารับบริการก่อน การทักทายปราศรัยกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นผู้มาขอรับบริการเพื่อนฝูงคนรู้จัก ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือแม่แต่คนที่มาทํางานให้เรา เช่น แม่บ้าน ยาม ฯลฯ จะทําให้เขารู้สึกเป็นมิตร และอบอุ่นใจ ทําให้บรรยากาศในที่นั้นๆ ดีขึ้น
4.แบ่งปันน้ำใจไมตรี
สามารถทําได้ทุกที่และทุกเวลา เช่น ช่วยพ่อแม่จัดโต๊ะอาหารล้างถ้วยชาม ลุกให้เด็ก ผู้หญิงท้อง หรือคนแก่นั่งช่วยถือของหนักให้คนในรถเมล์ หยุดรถให้คนข้ามถนน หรือรถอื่นไปก่อน ช่วยแบ่งเบาภาระงาน ให้เพื่อนในที่ทํางาน เป็นต้น การให้ความช่วยเหลือเช่นนี้ เป็นการทําบุญด้วยการลดความเห็นแก่ตัวของเราลงและทําให้เราได้รับมิตรไมตรีสนองตอบกลับมาด้วย
5.ปลุกปลอบให้กําลังใจ
ช่วยแก้ไขปัญหา หลายๆครั้งที่เพื่อนฝูงญาติมิตรอาจประสบปัญหาชีวิต และเกิดความทุกข์ใจแสนสาหัส สิ่งที่ดีที่สุดคือความเป็นมิตรและถ้อยคําที่ปลุกปลอบให้กําลังใจ คําพูดดีๆ ที่มาจากใจจะทําให้ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์ รู้สึกดีขึ้นและมีพลังที่ต่อสู้ชีวิตต่อไปได้
6.ให้คําชมด้วยความนิยมยินดี
การกล่าวคําชื่นชมต่อผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ ย่อมจะทําให้ผู้รับคําชมรู้สึกปลาบปลื้มยินดี และมีความสุขได้ โดยเฉพาะในเรื่องที่เขาทําสําเร็จ แต่ทั้งนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงและจริงใจด้วยดูอย่างตัวเราเองแค่วันไหน แต่งตัวสวย แล้วมีคนชม เราก็หน้าบานไปทั้งวันแล้ว เช่นเดียวกันคนทุกคนล้วนอยากได้การยอมรับและคําชมทั้งนั้น เพราะคําชมจะเป็นการเสริมเพิ่มกําลังใจให้ อยากทําดียิ่งๆ ขึ้นไป
7.แนะนําให้คําสอนที่ดี มีคุณค่า
ไม่ว่าจะเราจะอยู่ในสถานภาพใด เช่น เป็นลูก เป็นพ่อแม่ลูกน้อง เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมอาชีพ ฯลฯ หากเราจะมีเมตตา แนะนําในสิ่งที่ดี มีประโยชน์และคุณค่าต่อผู้อื่นหรือสอนในสิ่งที่เราชํานาญให้แก่ผู้อื่น ก็จะเป็นการช่วยเกื้อกูลสังคมให้ดียิ่งขึ้น และผลก็จะย้อนมาสู่ตัวเราผู้ทําด้วย เช่น สอนงานให้ลูกน้องต่อไป เมื่อเขาทํางานเป็น เราก็ไม่ต้องเหนื่อยมาก และเขาก็จะรู้สึกขอบคุณเรา แนะวิธีออกกําลังกายให้พ่อแม่ ท่านก็แข็งแรง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยง่าย เราก็สบายใจ หรือแม้แต่การแนะนําให้ความรู้ที่เรามี หรือทราบมาแก่คนไม่รู้จัก อย่างแนะนําหมอ ยาดีๆ   หรือธรรมะที่ดีแก่คนอื่น ทําให้เขาหายป่วยหรือรู้สึกดีขึ้น เขาก็จะอธิษฐานหรือให้พรเราทําให้เราพบแต่สิ่งดีๆ ในชีวิต
8.การให้อภัยในความผิดพลาดของผู้อื่น
โดยทั่วไปคนเรามักจะให้อภัยตัวเองง่ายและมีข้อแก้ตัวให้ตนต่างๆ นานา แต่ถ้าผู้อื่นผิดพลาดแล้ว เรามักเห็นเป็นเรื่องใหญ่และตําหนิติเตียนไม่รู้จักแล้วจบ ดังนั้น เราจะต้องหัดมีเมตตารู้จักให้อภัยต่อผู้อื่นให้ง่าย เหมือนให้อภัยแก่ตัวเราเอง เพราะการให้อภัยจะทําให้เราไม่ผูกใจเจ็บ ไม่อาฆาตมาดร้าย ไม่ก่อศัตรู แต่ทําให้จิตใจเราสงบเย็นเป็นการฝึกจิตพื้นฐานอย่างหนึ่ง ที่จะนําไปสู่กุศลขั้นสูงอื่นๆ ต่อไป
9.ฝึกจิตให้สงบและสบาย
ด้วยการทําสมาธิหรือสวดมนต์ การทําสมาธิ ฟังดูเหมือนยากแต่จริงๆ เราทําได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือทําอะไรอยู่ เช่น กินข้าว  อาบน้ํา ทําการบ้าน ทํางานบ้าน อ่านหนังสือ อยู่ที่ทํางานหัวใจหลักคือให้เอาใจไปจดจ่อในสิ่งที่ทําเพียงอย่างเดียว จะทําให้เราทําทุกอย่างได้ดีขึ้นเพราะไม่พะวักพะวนคิดหรือทําหลายอย่างในเวลาเดียวกันอันทําให้ขาดสติและทุกๆ คืนก่อนนอน ก็ควรสวดมนต์ไหว้พระที่เรานับถือ โดยอาจเลือกบทสวดสั้นๆ ที่เราชอบ เสร็จแล้วก็อย่าลืมแผ่เมตตาให้กับตัวเราเอง และผู้อื่นตามสมควรที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่าเป็นการทําความดีที่ไม่ต้องใช้เงินเลยแต่สามารถปฏิบัติในชีวิตประจําวันของเราได้ โดยไม่ยากเย็นเข็ญใจจนเกินไปอีกทั้งปฏิบัติแล้วก็เป็นบุญกุศลที่จะเกื้อหนุนให้เราและคนรอบตัวมีความสุข เพราะ’บุญ’ ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ เครื่องชําระกาย ใจให้บริสุทธิ์เป็นการทําประโยชน์ให้แก่ตัวเราเองและผู้อื่น และยังช่วยลดกิเลส ความเศร้าหมองต่างๆ ได้
เริ่มทําแต่วันนี้เลยนะคะ เพราะมีคนบอกว่า  ’ความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทําเอง

Credit :  วัดอินทราม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น